หลวงพ่อกบ วัดเขาสาริกา จ.ลพบุรี เป็นพระภิกษุสงฆ์ที่พุทธศาสนิกชนทั่วไปได้ให้ความเคารพและเลื่อมใสศรัทธา ชีวประวัติของท่านไม่ได้บันทึกไว้ชัดเจน เป็นแต่เพียงการเล่าขานสืบต่อกันมาว่า ท่านธุดงค์มาปักกลดอยู่ที่ชายป่าด้านเขาสาริกา โดยที่ไม่มีใครทราบว่าท่านมาจากไหน ท่านมีชื่อว่าอะไร และท่านเป็นคนจังหวัดใดหลายคนอยากทราบได้พยายามถามท่าน ท่านมักจะตอบว่า “กูจะไปรู้ได้อย่างไร แม้แต่มึงเอง มึงยังไม่รู้ว่ามึงเป็นใครมาจากไหน และมึงจะไปไหนต่อ” ซึ่งเป็นคำตอบที่นอกจากจะไม่เข้าใจแล้วยังสร้างความงุนงงให้กับผู้ถามเพิ่มขึ้นไปอีก จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีใครทราบประวัติที่แท้จริงของท่าน
ที่มาของนาม “ หลวงพ่อกบ ”
หลวงพ่อกบ จำพรรษาอยู่ที่วัดเขาสาริกา ผ่านไปหลายปีชื่อเสียงของท่านโด่งดังมาก ครั้งหนึ่งช่วงออกพรรษาปี พ.ศ.ใดไม่ชัดเจน มีกฐินจากกรุงเทพฯ มาทอดที่วัดภายหลังเสร็จสิ้น จากพิธีถวายกฐิน ญาติโยมจากกรุงเทพฯ จำนวนหนึ่งจำเป็นต้องค้างแรมที่วัด หลวงพ่อท่านเมตตาให้ค้างแรมในกุฏิ คืนนั้นหลายคนนอนไม่หลับเพราะไม่ได้ทานข้าวเย็น เนื่องจากที่วัดจัดให้มีไม่พอ เวลาผ่านไปประมาณ 3 ทุ่ม ก็บังเกิดปรากฏการณ์แปลกประหลาด ท้องฟ้าที่เคยแจ่มใสพลันก็เกิดเมฆดำทะมึนก่อตัวขึ้น สักครู่เสียงฟ้าร้อง ฟ้าผ่า พร้อมฝนห่าใหญ่ก็เทลงมา สายน้ำไหลเจิ่งนอง ประสานเสียงร้องของกบดังไปทั่ว มองลงไปที่ลานหน้ากุฏิ เต็มไปด้วยกบตัวใหญ่ๆ กระโดดโลดเต้นไปมา “พวกเอ็งหิวไหมว๊ะ” เสียงเอ่ยถามของหลวงพ่อ ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกัน ”หิวขอรับ” “ถ้างั้นเอ็งรอเดี๋ยว กูจะลงไปแทงกบมาให้พวกเอ็งทำต้มยำกิน” ว่าแล้วท่านก็คว้าฉมวกลงกุฏิไปอย่างรวดเร็ว พวกเขามองตามลงไปเห็นหลวงพ่อกำลังใช้ฉมวกทิ่มแทงกบตัวแล้วตัวเล่า อนิจจา!!! ศรัทธาของพวกเขาเริ่มเหือดหายไป แต่ด้วยความหิวคืนนั้นต้มยำกบหม้อใหญ่ก็ถูกกินจนเกือบหมด เช้าวันรุ่งขึ้นมีคนหนึ่งสงสัยว่า ต้มยำกบที่เขากินเมื่อคืนเป็นกบจริงๆ หรือเปล่า เขาจึงย่องเข้าไปดูในโรงครัว เมื่อเปิดฝาหม้อดู เขาก็ต้องผงะตกตลึงด้วยความอัศจรรย์ใจ ด้วยว่าสิ่งที่เห็นอยู่ในหม้อหาใช่กบไม่ แต่เป็นยอดกระถินและใบมะขามอยู่เกือบครึ่งค่อนหม้อ เหตุการณ์นี้ถูกนำมาเล่าต่อๆ กันมาว่า หลวงพ่อท่านสร้างปาฏิหาริย์เสกใบไม้ให้กลายเป็นกบ จนกลายมาเป็นที่มาของนามท่าน “หลวงพ่อกบ”
มูลเหตุแห่งความศรัทธา
ด้วยปฏิปทาอันแปลกประหลาดของหลวงพ่อกบ รวมทั้งปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับหลวงพ่อกบ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่น่าฉงนและไม่สามารถหาคำอธิบายได้ เป็นมูลเหตุแห่งความศรัทธาที่คนทั่วไปเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจว่า หลวงพ่อกบ ท่านเป็นผู้ทรงศีลที่มีฌานสมาบัติขั้นสูงและมีพลังเร้นลับ สามารถทำในสิ่งที่คนทั่วไปยากที่จะเข้าใจได้จึงขอนำเรื่องราวดังกล่าว มาเล่าสู่กันฟังพอสังเขป
ปฏิปทา
ปกติหลวงพ่อกบ จะบำเพ็ญเพียรภาวนาในท่านั่งยองๆ เป็นเวลายาวนานติดต่อกัน คราวละ 7–15 วัน โดยที่ท่านไม่ลุกไปไหนเลย ไม่ฉันอาหาร น้ำ หรือแม้แต่การถ่ายหนักเบา เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งสร้างความอัศจรรย์ใจแก่ผู้พบเห็นเข้าใจกันว่า ปฏิปทาอันเหลือเชื่อของท่านเกิดขึ้นได้ เพราะท่านสามารถถอดจิตออกจากกายได้ ทำให้กายไม่รับรู้ต่อสภาพความหิวและความเจ็บปวดใดๆ
- นั่งท่ายองๆ ไม่ว่าจะสวดมนต์ หรือทำกิจวัตรใดๆ และนอนตะแคงขวาเป็นประจำ
- นุ่งสบงเก่าๆ ผืนเดียว ไม่ห่อจีวร ที่คอแขวนลูกกระพรวน
- อยู่แต่ในวัดไม่เคยเดินออกไปไหนเลย
- ใช้น้ำชา และต้มเครื่องเทศเป็นยารักษาโรค ชื่อเสียงของท่านถูกกล่าวขานปากต่อปาก ผู้คนจำนวนมากมารับการรักษาจากท่าน เป็นเรื่องที่ชี้ให้เห็นถึงปฏิปทาที่เต็มไปด้วยความเมตตาอย่างสูงของท่าน
ปรากฏการณ์แปลกประหลาด
- มีผู้คนจากจังหวัดต่างๆ มานมัสการ และทำบุญกับหลวงพ่อกบอย่างล้นหลามมิได้ขาดพวกเขาเหล่านั้นรู้จักหลวงพ่อได้อย่างไร? ทั้งๆ ที่หลวงพ่ออยู่แต่ในวัด และชาวบ้านเขาสาริกาก็ไม่เคยออกไปแจกซองกฐิน หรือซองผ้าป่าที่ไหนเลย ถนนหนทางเข้าวัดในขณะนั้นก็ยังไม่มี มันเป็นไปได้อย่างไร ! เมื่อสอบถามดูพวกเขาเหล่านั้นพูดทำนองเดียวกันว่า ได้พบเห็นหลวงพ่อกบไปบิณฑบาตที่บ้านตน ด้วยความศรัทธาจึงพากันติดตามถามหาจนมาพบท่าน และทุกอย่างเป็นจริงตามที่หลวงพ่อกบบอกไว้ทุกประการ
- บ่อยครั้งมีผู้พบเห็นท่านในเวลาเดียวกันถึง 2 แห่ง เชื่อกันว่า ท่านสามารถถอดกายทิพย์ท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ ได้
- ”น้ำชา และต้มเครื่องเทศ” สามารถทำให้โรคภัยไข้เจ็บของชาวบ้านหายได้อย่างไร เป็นคำถามที่ยังหาคำตอบไม่ได้ เป็นไปได้หรือไม่ว่า หลวงพ่อกบ ใช้พลังจิตช่วยในการรักษา
- พลังเมตตาบารมี หลวงพ่อกบ เป็นคนเฉยๆ หากมีคนมานมัสการท่าน ท่านเพียงแต่เงยหน้าขึ้นมาดู ไม่ค่อยโอภาปราศรัยด้วย แต่ก็เป็นเรื่องแปลกทุกคนที่มาหาท่านต่างยอมรับว่า รู้สึกศรัทธาและปลื้มปีติสุข เมื่อได้พบกับหลวงพ่อกบ
หลวงพ่อกบ ท่านละสังขารเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2496 ในวันนั้นหลวงพ่อโอภาสีได้ขึ้นมาที่วัดและรับเป็นประธานในงานเผาสรีระของท่าน หลวงพ่อโอภาสีทราบได้อย่างไร ชาวบ้านต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่มีใครส่งข่าวไปบอกท่านเพราะหนทางไกล การคมนาคมสมัยนั้นลำบากมาก ในเรื่องนี้เข้าใจกันว่า หลวงพ่อโอภาสี ท่านคงทราบได้ด้วยฌานเช่นเดียวกัน การละสังขารของหลวงพ่อกบ ยังความโศกเศร้าเสียใจให้กับผู้คนจำนวนมาก
ประวัติวัดเขาอิติสุคโต อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
วัดเขาอิติสุคโต ตั้งอยู่เลขที่ ๓๘/๓๕ ตำบลหัวหิน อำเภอหัวหิน อำเภอหัวหิน จังหวัดระจวบคีรีขันธ์ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ที่ดินตั้งวัดมีเนื้อทึ่ ๑๑๒ไร่ ๒ งาน ๘๘ ตารางวา
อาณาเขตทิศเหนือจดทางสาธารณะ ทิศใต้จดถนนห้วยมงคล ทิศตะวันออกจดเขากัสสปะ
ทิศตะวันตกจดเขาอิติสุคโต ตั้งเมื่อ พ.ศ.๒๔๘๐ เดิมเป็นสำนักสงฆ์ หลวงพ่อโอภาสี ได้ธุดงค์มาพบสถานที่ซึ่งเหมาะแก่การปฏิบัติธรรม หลวงพ่อโอภาสีจึงได้นำเรื่องนี้ไปปรึกษาหลวงพ่อกบ ซึ่งเป็นเพื่อนสหธัมมิกว่าสถานที่แห่งนี้สมควรก่อสร้างสำนักสงฆ์ จึงได้ให้หลวงพ่อชื้น วัดเพลงวิปัสสนา ส่งลูกศิษย์คือ พระนคร อํสุมาลี และ หลวงพ่อสารภี (ผัก) และได้เริ่มสร้างวัดเขาอิติสุคโต ได้รับการพัฒนาต่อเนื่อง สถานที่ตั้งวัดอยู่บนเนินเขาสูง ด้านหน้าห่างจากพระราชวังไกลกังวล ๒ กิโลเมตร และพระนคร อํสุมาลี ได้เป็นเจ้าอาวาส วัดเขาอิติสุคโต เมื่อ พ.ศ.๒๕๐๘ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๑๐ เขตวิสุงคามสีมากว้าง ๒๐ เมตร ยาว ๔๐ เมตร ต่อมาพระอธิการนคร อํสุมาลี
ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะอำเภอ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๗ ได้รับพระราชทินนามว่า พระครูประเวทย์วรญาณ ได้มรณภาพ เมื่อวันที่ ๑๓ เมษายน พ.ศ.๒๕๓๘ จากนั้นพระอธิการปรีชา ธนวฑโก ได้ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสเมื่อ วันที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ.๒๕๓๙ ในขณะที่พระอธิการปรีชา ธนวฑโก เป็นเจ้าอาวาสได้ก่อสร้าง อาคาร วิหาร พระพุทธรูปฯ ต่อจากหลวงพ่อนครอย่างไม่ย่อท้อต่อความเหน็ดเหนื่อย และมีความเจริญทั้งด้านการก่อสร้าง และนำพาพุทธศาสนิกชนปฏิบัติธรรม ต่อมาภายหลังได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูบรรพตพัฒนคุณ เมื่อ พ.ศ.๒๕๔๗
รูปหล่อลอยองค์หลวงพ่อกบ รุ่นทองกบหนึ่ง เนื้อทองแดงรมดำ หลวงพ่อปรีชา วัดเขาอิติสุคโต อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ จัดสร้างปี 2544 ขนาดเหรียญ 1.2x2.2 ซ.ม.
กอบทรัพย์พระใหม่ (www.kobsub.com)
โทร.081-661-9989
LINE ID:kobsub456
Email:kobsub@hotmail.com