ภิกษุ 6 แผ่นดิน หลวงปู่สี ฉนฺทสิริ วัดเขาถ้ำบุนนาค บ.โพนทอง อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์
“พระของหลวงปู่สียังมีคุณ” คุณวิชิต ฉลองชัยวรการ บอกต้นเดือนมิถุนายน
“หลวงปู่สีเอามือซาวพระ 3 ที ดีกว่าข้าเสกพระปีหนึ่งหนา”
ฟ้าแลบก็ยังจะดูช้ากว่าการเสกของหลวงปู่สี เพราะมันยังต้องมีเค้าของเมฆฝนก่อน
หลวงปู่เคนยังมีอายุน้อยกว่าหลวงปู่สี ฉันฺทสิริ เกิด พ.ศ. 2392 ได้เห็นการผลัดเปลี่ยนแผ่นดิน 6 ครั้ง เรียกว่าเป็นภิกษุ 6 แผ่นดิน
หลวงปู่สี เป็นชาวสุรินทร์ สถานที่เกิดในปัจจุบันอยู่ในเขตอำเภอรัตนะ เข้าไปอยู่กรุงเทพฯ ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก อาศัยอยู่ในวัดสุทัศน์ฯ ศึกษาเล่าเรียนเบื้องต้นที่นี่ จนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ท่านถูกเกณฑ์ทหารและเป็นทหารจนกระทั่งปลด พอปลดแล้วไปนครสวรรค์ ประกอบอาชีพล่าสัตว์ และค้าวัวควายอยู่ในอำเภอตาคลี
อายุ 40 ปี ท่านจึงได้บวชที่วัดบ้านเช่า (บ้านหมี่) จังหวัดลพบุรี มีพระครูธรรมขันธ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ หลังจากบวชได้ 7 วัน ก็ออกจากวัดบ้านเช่าไปพักจำพรรษาที่ถ้ำเขาเลียบ ในเขตตำบลช่องแค อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ เปิดฉากชีวิตธุดงค์ด้วยก้าวแรกที่นี่
หลวงปู่สี ใช้ชีวิตในเพศบรรพชิตด้วยการเดินธุดงค์เป็นส่วนใหญ่ เคยธุดงค์ไปถึงพระบาท 4 รอย และประเทศอินเดีย รวมทั้งลาวก็เคยจำพรรษาอยู่หลายปี
หลวงปู่เล่าว่าตอนธุดงค์ไปพระบาท 4 รอย เมืองเชียงตุงนั้น หลงป่าอยู่ 11 วัน ไม่ได้ฉันอาหาร พอรุ่งเช้าวันที่ 12 ขณะกำลังนั่งสวดมนต์ ได้มีช้างป่า 2 เชือก นำหัวบัวและอ้อยมาถวาย ท่านจึงได้หัวบัวมาต้มกับน้ำอ้อยฉันเป็นอาหาร ช้างป่าทั้ง 2 เชือกก็ไม่หนีไปไหน มันรอจนหลวงปู่ฉันเสร็จแล้วเดินนำทางหลวงปู่ออกจากป่า
หลวงปู่สีเลิกธุดงค์เมื่ออายุ 114 ปี เนื่องจากเห็นว่าสังขารไม่อำนวยแล้ว และท่านได้มาพำนักที่วัดเขาถ้ำบุนนาค ในปี พ.ศ. 2511
หลวงปู่สีเป็นผู้ที่สามารถรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า เช่นเมื่อปี 2512 ท่านบอกกับกรรมการวัดว่า ใต้สระน้ำในวัดของถ้ำบุนนาคนี้มีพระพุทธรูปโบราณ 2 องค์จมอยู่ ต่อปลายปีน้ำในสระจะแห้ง ให้ขุดพระขึ้นมาเสีย
พอปลายปีน้ำในสระก็แห้งจริง คณะกรรมการวัดลงมือขุดจนพบพระพุทธรูป 2 องค์จริง
คราวที่ท่านธุดงค์ไปพระบาทสระบุรีกับหลานชาย ซึ่งขณะนั้นยังบวชเป็นสามเณร เดี๋ยวนี้คือ หลวงตาแว่น ซึ่งผมไม่แน่ใจว่าท่านยังอยู่ดีหรือไม่ ถ้ายังอยู่ดีสุขภาพแข็งแรง ตอนนี้ท่านจะมีอายุประมาณ 89 ปี เรื่องนี้ก็หลวงตาแว่นนี่แหละเป็นผู้เล่าไว้ตั้งแต่ปี 2517 โน่น
หลวงตาแว่นเล่าว่า ได้ติดตามหลวงปู่สีไปพระบาท สระบุรี แต่พอขากลับ ฉันอาหารเช้าเสร็จที่พระบาทฯ หลวงปู่สีก็บอกให้ท่านเดินนำหน้า พอเดินมาถึง ต.ช่องแค ปรากฏว่ายังไม่เที่ยง ทันเวลาฉันเพลพอดี
“ระยะทางจาก อ.พระพุทธบาท ถึง ต.ช่องแค เกือบ ๆ 200 กิโลเมตร ถ้านั่งรถยนต์ขับเร็ว ๆ ก็ใช้เวลาร่วม 3 ชั่วโมง ไม่รู้ว่าเดินถึงช่องแคทันฉันเพลได้ยังไง”
สาเหตุที่ท่านไม่ทำของขลัง มีเรื่องเล่าว่า สมัยที่ท่านอายุได้ 70 กว่าปี ขณะที่จำพรรษาอยู่วัดป่า จ.ลพบุรี หลวงปู่เคยทำผ้ายันต์ให้ชายคนหนึ่งไป ต่อมาชายคนนั้นได้ปรากฏชื่อระบือในฐานที่เสือปล้น เขย่าขวัญประชาชนทั่วๆ ไปเจ้าหน้าที่ปราบไม่ได้ยิงเท่าไหร่ๆ กระสุนก็ไม่ระคายผิวไม่เคยเลือดตกยางออกเพราะอาวะตำรวจ จนกระทั่งตัดสินใจเข้ามอบตัวสำนึกผิดเอง เมื่อมอบตัวกับตำรวจแล้ว เจ้าเมืองลพบุรีได้มีบัญชาให้นำตัวชายผู้นี้เข้าพบเป็นกรณีพิเศษ เพื่อถามคำถามสำคัญว่า “มีอะไรดี” เขาควักผ้ายันต์ของหลวงปู่สีให้เจ้าเมืองดู หลังจากนั้นท่านเจ้าเมืองได้เดินทางไปกราบหลวงปู่สีถึงวัดป่า และขอร้องท่านไว้ว่าต่อไปอย่าให้ของขลังใครอีกเลย กลัวคนมันจะเป็นโจรกันหมด แต่นั้นมาไม่เคยมีใครได้เครื่องรางของขลังจากหลวงปู่สีอีกเลย
จนกระทั่งปี 2517 ท่านมีอายุ 125 ปี 85 พรรษา และมาพำนักอยู่วัดถ้ำบุนนาคแล้ว ทางกรรมการวัดจึงได้ดำเนินการก่อสร้างพระอุโบสถมาตั้งแต่ปี 2514 ติดขัดเรื่องทุนทรัพย์มาโดยตลอด ได้ตัดสินใจกราบขอพึ่งบารมีท่านว่า “ถ้าหลวงปู่ไม่ออกของขลัง โบสถ์จะไม่เสร็จ”ท่านจึงเริ่มใช้ชานหมากที่เคี้ยวอยู่แก่คนทั่วๆ ไปที่มากราบท่านเป็นประเดิม ชานหมากก็ไปสร้างชื่อว่า แคล้วคลาด คงกระพันดียิ่งนัก ซึ่งคนในตลาดตาคลีเข้าใจดีทุกคน
ในที่สุดพระเครื่องต่างๆ ก็ได้ถูกสร้างขึ้นทดแทนชานหมากอย่างเป็นเรื่องเป็นราว โดยคณะกรรมการวัดและลูกศิษย์หลายฝ่ายได้ร่วมกัน จึงจัดสร้างขึ้นในรูปของเหรียญและพระเนื้อผง โดยมีเป้าหมายการสร้างอยู่ที่โบสถ์
"ลูกอมมหาลาภ" หลวงปู่สี ฉันทสิริ วัดเขาถ้ำบุญนาค จ.นครสวรรค์ สร้างปี 2517 ชุดพระปิดตานะมิ พระรอด พระกลีบบัว ลูกอมส่วนใหญ่จะบรรจุเข้ากรุหมด สร้างน้อยมาก
กอบทรัพย์พระใหม่ (www.kobsub.ocm)
โทร.081-661-9989, 083-956-6942
Email:kobsub@hotmail.com
LINE ID:kobsub