

ล็อกเก็ตพระศิวะมหาเทพ ครูภูม พันพราย
2,000.00 ฿
พระศิวะ แปลว่า ผู้เปี่ยมด้วยความกรุณาในการชุบชีวิตต่างๆ ให้บริสุทธิ์ พระองค์คือมหาโยคีจอมราชาของเหล่าทวยเทพและมุนีทั้งปวง อันประกอบไปด้วยบรรดาฤาษี โยคี มุนี ดาบส ฯลฯ
ตำนานระบุว่า พระศิวะเกิดจากพระเวทและพระธรรมที่ช่วยกันเนรมิตพระองค์ขึ้นมาเพื่อสร้างโลกขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่โลกได้ละลายกลายเป็นอากาศมาช้านาน โดยมอบฤทธิ์อำนาจให้พระศิวะมีอิทธิฤทธิ์สูงสุด สามารถประทานพรให้กับบุคคลใดก็ได้โดยไม่เลือกที่รักมักที่ชัง มีความกรุณาต่อทุกชีวิตในไตรโลก ไม่ว่า อินทร์ พรหม ยม ยักษ์ อสูร เทวดา พญานาค นางอัปสร หรือคนธรรพ์ ฯลฯ ผู้ที่รับพรนั้นๆ ไป ก็มีฤทธิ์เป็นไปตามพรของพระศิวะทุกประการทั้งสิ้น
พระศิวะทรงมีเอกอัครมเหสีคู่พระทัยคือ พระแม่ศรีมหาอุมาเทวี หรือพระอุมาเทวี หรือชาวฮินดูนิยมเรียกกันว่า พระนางปาราวตี ซึ่งเป็นอิตถีเทพที่งดงามยิ่งนัก และยังเป็นเทพเทวีที่มีผู้คนนิยมบวงสรวงบูชามากมายกว่าเทพนารีองค์อื่นๆ พระแม่อุมามหาเทวีปรากฏอยู่ในทุกคัมภีร์ทุกตำรา ด้วยเพราะพระศิวะนั้นไม่ปรากฏว่าจะมีพระชายาอีกมากมายดังมหาเทพองค์อื่น ๆ
พระศิวะทรงเป็นพระบิดาของพระพิฆเนศวรและพระขันธกุมาร พระโอรส 2 พระองค์นี้ประสูติจากพระแม่อุมา อัครมเหสีคู่บารมี
พระศิวะมียังพระชายาคู่บารมีอีก 2 พระนาง คือ พระคงคาและพระนางสนธยา
พระแม่คงคาซึ่งเป็นพระพี่นางของพระแม่อุมามหาเทวี อัครมเหสีของพระศิวะนั้น แต่เดิมก็เป็นพระชายาองค์รองๆ ของพระนารายณ์หรือพระวิษณุ ซึ่งเมื่อได้มีเรื่องมีราวขัดแย้งบาดหมางกันระหว่างบรรดาพระชายาพระวิษณุ จนก่อเหตุให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญใจ พระวิษณุจึงได้นำพระแม่คงคามาถวายให้เป็นพระชายาของพระศิวะ
ส่วนพระนางสนธยานั้นเป็นธิดาของพระพรหม มหาเทพอีกพระองค์หนึ่ง ซึ่งมีความผิดในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง จนเป็นเหตุให้พระพรหมผู้เป็นบิดาทรงกริ้วนัก และปรารถนาที่จะลงโทษพระธิดาสนธยาอย่างหนัก ซึ่งพระธิดาก็เกรงกลัวที่จะถูกลงโทษทัณฑ์ จึงได้แปลงกายเป็นนางเนื้อหลบลี้หนีพระบิดาไปเสีย พระพรหมเองก็ไม่ยอมลดละ ด้วยความกริ้วถึงกับนิรมิตองค์เป็นกวางตามนางเนื้อไปในทันที พระศิวะได้ทรงบังเอิญมาพบเห็นเข้า จึงได้มีความเห็นใจพระธิดาสนธยา ครั้นจะห้ามปรามพระพรหมผู้เป็นบิดาของพระนางสนธยาก็ดูจะกระไรอยู่ จึงได้ยับยั้งความกริ้วของพระพรหมในครั้งนั้นด้วยการแผลงศรไปถูกเศียรกวางขาดกระเด็น เมื่อพระพรหมกลับคืนมาสู่ร่างเดิมจึงได้คลายความโกรธ และพระศิวะก็ได้พูดคุยกับพระพรหมให้ยกโทษให้กับพระธิดา และการขออภัยโทษแก่พระนางสนธยานั้นคงจะไม่เป็นการสำเร็จได้โดยง่าย พระศิวะจึงได้ใช้วิธีทูลขอพระนางสนธยามาเป็นพระชายา ด้วยความเกรงอกเกรงใจกัน พระพรหมจึงได้ยินดียกพระธิดาให้ไปเป็นพระชายาของพระศิวะ ด้วยเหตุนี้เองที่พระธิดาสนธยาจึงไม่ต้องถูกพระบิดาลงโทษ
ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าการที่มีพระชายาเพิ่มขึ้นมานั้น ไม่ได้เป็นเพราะพระศิวะออกไปแสวงหาด้วยความมากรักหลายใจแต่อย่างใด
พระศิวะไว้ผมยาวสลวย มีพระพักตร์งดงามคมคายมากกว่าเทพพระองค์ใด สังเกตจากภาพเขียนของอินเดีย จะให้ความสำคัญกับพระองค์ค่อนข้างมากในเรื่องนี้ ทรงแต่งพระองค์แบบธรรมดาสามัญ ทรงฉลองพระองค์ง่ายๆ สบายๆ แบบกันเองเหมือนไม่ทรงถือตัว เช่น นุ่งผ้าเตี่ยวห่มหนังเสือหรือหนังกวางเพียงผืนเดียว ห้อยลูกประคำที่ทำจากเม็ดรุทรากษะ มีพญางูพันพระศอ และสร้อยสังวาลเป็นรูปหัวกะโหลก จึงได้รับความนิยมจากศิลปินแห่งโลกตะวันตกรวมทั้งศิลปินไทย เช่น นักดนตรีในยุคซิกส์ตี้-เซเว่นตี้ โดยเฉพาะพวกบุปผาชนที่แอนตี้สงครามและใฝ่หาเสรีภาพต่างศรัทธาและบูชาพระองค์ เป็นเสมือนฮีโร่ในดวงใจ
พระองค์มีดวงเนตรที่สาม จะลืมพระเนตรขึ้นก็ต่อเมื่อมีเหตุอันสำคัญเกิดขึ้นที่พระองค์จะต้องลงมือปราบปรามหรือแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้ลุล่วง ตรีเนตรหรือดวงเนตรที่สามนี้ สามารถเผาผลาญทุกสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าให้แหลกเป็นผุยผงไปได้ เช่นเดียวกับเมื่อครั้งที่พระศิวะประลองฤทธิ์กับพระนารายณ์ ไม่มีใครแพ้ชนะอย่างเด็ดขาด พระพรหมเห็นดังนั้น จึงเดินเข้าไปต่อว่าพระศิวะ หาว่าพระองค์ไม่สามารถปราบได้แม้กระทั่งมหาเทพที่พระองค์สร้างขึ้นมาเอง
พระศิวะทรงพระพิโรธที่ถูกหยามหมิ่น จึงเผลอลืมเนตรที่สามขึ้น ทำให้เศียรข้างหนึ่งของพระพรหมมอดไหม้มลายไป มิอาจกลับคืนมาได้อีกเลย นับตั้งแต่นั้นจากเดิมที่พระพรหมมี 5 เศียร จึงเหลืออยู่เพียง 4 เศียร อย่างที่เห็นกันในปัจจุบัน
พระศิวะทรงเป็นเทพเจ้าแห่งพร 108 ประการ จะประทานให้กับผู้อื่นที่ทำความดีเท่านั้น พวกมิจฉาชีพอย่าไปขอพรท่านเข้าล่ะ ดีไม่ดีท่านอาจให้โทษได้ ถ้าสืบทราบมาว่าเป็นคนชั่วช้าเลวทราม ก็พระองค์คือเทพเจ้าแห่งการทำลายล้างโลกที่โสมมนัสให้สะอาดแล้วสถาปนาขึ้นมาใหม่ เป็นมาอย่างนี้ชั่วกัปชั่วกัลป์ หากพระองค์ไม่ทรงลงมือเองก็ต้องมีพระนารายณ์ลงมาปราบยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ หรือไม่ก็พระแม่ทุรคา พระแม่กาลี พระชายาของพระองค์เองมาทำการปราบ
ส่วนใครที่มีทุกข์ร้อนในเรื่องใดๆ ก็สามารถขอพรจากท่านให้พ้นทุกข์ได้ แต่ต้องปฏิบัติตนให้ตั้งมั่นอยู่ในความดีเป็นพื้นฐาน หรือผู้ที่เจ็บไข้ได้ป่วยอยากจะอาการทุเลาลงก็สามารถขอพรท่านได้
นอกจากนี้ พระศิวะยังทรงเป็นบรมครูทางด้านนาฏยศาสตร์หรือนาฏศิลป์อีกตำแหน่งหนึ่งด้วย ท่าร่ายรำ 108 ท่าของพระองค์ มีพระฤาษีภารตะมุนีเป็นผู้บันทึกไว้แล้วถ่ายทอดแก่ชาวโลก เรียกว่า “นากยัม” นับเป็นต้นแบบการร่ายรำของชมพูทวีปที่ถ่ายทอดไปสู่ดินแดนอื่นๆ
หากคุณนึกถึงการร่ายรำเมื่อใด ต้องนึกถึงระบำแขกก่อน สาเหตุก็เพราะการร่ายรำของอินเดียมีลีลาที่เร้าใจ ได้อารมณ์สุนทรีย์ในเรื่องของท่าทาง การส่ายเอว ส่ายสะโพก เพราะว่าพวกเค้าสืบสานตำนานนาฏยศิลป์มาจากองค์พระศิวะ ดังที่มีคำนิยามว่า “พระผู้เขย่าจักรวาลด้วยการร่ายรำ”
เครื่องบวงสรวง ได้แก่ ดอกดาวเรือง ธูปกำยาน นม เนย ใบพลู
คาถาบูชา “โอม นะมะ ศิวายะ ศิวายะ นะมะ โอม ศิวายะ นะมะ โอม ศิวายะ ศิวะ ศิวะ ศิวะ ศิวายะ นะมะ โอม ฮาระ ฮาระ ฮาระ ฮาระ ฮารายะ นะมะ โอม”
คาถาบูชาแบบย่อ “โอม นะมัส ศิวายะ
กอบทรัพย์พระใหม่ (www.kobsub.com)
โทร.081-661-9989
Email:kobsub@hotmail.com
LINE ID:kobsub456